แอบรักเพื่อนสนิท
แอบรักกับอกหักอะไรเจ็บมากกว่ากัน ? ฉันเคยคิดหนักกับคำถามเหล่านี้จนในที่สุดก็รู้แล้วล่ะว่าคำตอบคืออะไร หน้าตาอย่างฉันไม่จำเป็นต้องแอบรักใครด้วยซ้ำ ตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ ริมฝีปากสีส้มอมชมพูบางๆกับผิวสีน้ำผึ้งของฉัน และชื่อที่เรียกสั้นๆว่า โบว์ ในความคิดของฉันฉันไม่เคยคิดจะแอบรักเพื่อนร่วมห้องด้วยซ้ำ ถ้าเราคบกันเพื่อในห้องก็ต้องล้อ แต่ถ้าเลิกกันล่ะความรู้สึกแบบเพื่อนร่วมห้องมันคงจะเรียกกลับมาไม่ได้อีกแล้ว เราจะวางตัวยังไง ยังจะกล้าคุยแบบเมื่อก่อนอีกหรือเปล่า ? แต่เขาคนนั้นก็ทำให้ความคิดของฉันเปลี่ยนไป เขาก็จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาพอดูได้ เพียงแต่เขาเป็นนักกีฬา ตัวสูง ผิวเกือบๆขาว แต่ถ้าดูรวมๆก็จัดอยู่ในเกณฑ์ขาว ไหล่กว้าง ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เขาจะไม่หล่อมากนักก็ทำให้เขาเท่ห์และดูดีในสายตาของผู้หญิงหลายคน ยิ่งนิสัยเขาเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงทุกคน และมีหัวคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัวแล้ว นี่แหละ สิ่งที่ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด แต่เขาไม่ค่อยยุ่งกับผู้หญิงมากมายหรอกนะ ฉันเริ่มรู้สึกชอบเขาเมื่อตอนสอบวันสุดท้ายของ ม.1 ตอนนี้ก็ม.3แล้ว มันนานมากเลยใช่ไหมล่ะ ปกตินิสัยฉันจะเงียบๆไม่ค่อยชอบยิ้ม ถามคำตอบคำ วันนั้นตอนกินน้ำเขาเดินมาแย่งแก้วฉันแล้วก็ดื่มต่อ อ่านะ...ไม่รู้ฉันคิดเอาเองรึเปล่า นี่มันจูบทางอ้อมชัดๆ !!
“โบว์ ทำไมทำหน้าอย่างงั้นอ่ะ ไม่ยิ้มเลย” เชื่อไหมล่ะเพราะคำพูดนี้ล่ะทำให้ฉันเปลี่ยนไป ตั้งแต่นั้นมาเมื่อฉันเจอใครก็จะยิ้มตลอด โดยเฉพาะเขาคนนั้น หรือ วิน นั่นเอง และฉันก็ปลื้มเขามากขึ้นจนถึงขั้นแอบรัก ก็เขานะ ถึงแม้จะเรียนไม่ค่อยเก่งแต่ก็ขยันเรียน มีน้ำใจ ผิดกับผู้ชายในห้องลิบลับเลย
“โบว์ๆ สอบเลขหน่อยดิ” วินนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้วกวักมือเรียกฉัน พอฉันเดินไปวินก็บอกให้นั่ง เห็นป่าวบอกแล้วว่าเป็นสุภาพบุรุษ อ่านะ...แล้วฉันก็เริ่มอธิบาย ประมาณ 5 ชาติหมอนั่นถึงจะเข้าใจ อธิบายเสร็จฉันก็จะลุกกลับ แต่หมอนั่นเรียกให้นั่งต่อ จะขอบคุณอะดิ อิอิ
“โบว์เด็กใหม่ชื่อกิ๊ฟนิสัยเป็นยังไงอ่ะ”
“ชอบน้องเค้าอะดิ” รู้ไหมตอนนี้ฉันนะน้ำตาตกในนะ มันรู้สึกเจ็นในใจมากนะเมื่อคำตอบที่ได้คือ
“ขอเบอร์ให้หน่อยดิ”
“โอ๊ย...มันไม่ให้เบอร์ใครหรอก กลัวใครจะเอาเบอร์มันไปเผยแพร่”
“เออๆงั้นไปเถอะ”
วินฉันไม่รู้เลยว่านายคิดยังไง พอหันตรงโต๊ะนายทีไรก็จะเจอสายตาที่นายมองมาที่ฉันตลอด มีอะไรนายก็จะขอความช่วยเหลือจากฉันเสมอ วันนั้นฉันนั่งหลังห้องกับเพื่อนผู้ชาย นายก็พูดเปรยๆว่า ‘เฮ้อ...ไปนั่งหลังห้องดีกว่า’ แล้วนายก็ฝึกดีดกีต้าร์เพลงที่ฉันชอบอีกด้วย วันเกิดเพื่อนนายฉันเอาของขวัญไปให้ทำไมนายยังมองตาขวางอีก ไหนจะเรื่องที่นายมายืนร้องเพลงข้างๆหูฉันอีกล่ะ แต่พอวันนี้เพื่อนล้อว่าเราเป็นแฟนกัน นายกลับทำตัวไม่เหมือนเดิม การบ้านนายทำไม่ได้นายกลับไม่ถามฉัน แต่กลับถาม ชะเอม เพื่อนซี้ฉันเอง แล้วก็ชอบเรียก
“เอมๆมานี่หน่อยดิ” แล้วเธอ 2 คนก็นั่งร้องเพลงกันไปไหนเดี๋ยวนี้ก็จะไปด้วยกัน แต่ก็ช่างเถอะเราอ่ะคิดมากไปเอง เอมมันเพื่อนซี้นะโว้ย...มันรู้อยู่หรอกว่าเราชอบวิน อีกอย่างวินนะมันชอบกิ๊ฟอยู่แล้ว ไหนจะเตยแฟนมันอีก แต่ก็เลิกกันแล้วนี่นา คงจะเป็นรักฝังใจมั้ง เพราะเอมเคยพูดชื่อเตยออกมา วินถึงกับจะต่อยเอม นี่ถ้าผู้ชายในห้องไม่ห้ามไว้ป่านนี้วินคงโดนเพื่อนในห้องรุมด่าว่า ‘หน้าตัวเมีย’ แล้วล่ะมั้ง
พอนึกถึงภาพ ที่เอมกับวินนั่งด้วยกัน เล่นด้วยกัน แตะเนื้อต้องตัวกัน จนบางครั้งถึงกับกอดน้ำตาก็ไหลออกมา เรารึอุตสาห์หาหนังสือธรรมมะมาอ่าน ตอนแรกๆก็ดีอยู่หรอกแต่พออ่านหนังสือไปภาพเหล่านั้นก็แวบขึ้นในหัว น้ำตาก็ไหลพรากออกมา เฮ้อ!!!อยากจะบ้าตายเคยคิดเหมือนกันนะว่าจะตัดใจ เพราะเฝ้าทุ่มเทเท่าไหร่ พยายามเสนอว่าตัวเองดีเท่าไหร่ แต่ผลสุดท้ายคนที่วินเห็นค่าก็ไม่ใช่เราอยู่ดี เอาหละตัดใจๆท่องไว้
อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาวันนี้พี่มาส่ง พอดีกับที่วินมา วินก็จ้องหน้าพี่บอลใหญ่เลย แล้วพี่บอลก็มองตอบ ประมาณว่า ‘มองทำไม’ ด้วยความที่ท่อรถพี่แต่งมาพอบิดเสียงก็จะดังๆ พี่ก็บิดรถไป 2 ที่ก่อนจะพุ่งออกไป
พอพักกลางวันวินก็เรียกฉันไปหา ฉันก็รีบกินข้าวแล้วไปหามันที่นั่งอยู่กับเพื่อนๆที่ม้าหินอ่อน
“เรียกมามีอะไร”
“คนเมื่อเช้ามันเป็นใคร” วินพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
“พี่ชายเค้าเอง มีไรอีกป่ะ”
“แมร่งกวนตีนกรูไปเรียกมันมากราบตรีนกรูเดี๋ยวนี้เลย”
จะบ้าหรือไงวิน นายรู้จักพี่ชายฉันน้อยไปแล้ว ขนาดหัวหน้าแก๊งค์ใกล้รุ่ง ที่คุม โรงเรียนนี้กับเทพอักษร ยังโค่นมาแล้วเลย ไหนจะคุมปากทางเข้าซอย 1-16 อีก นี่ไม่ได้เวอร์นะมันเป้นเรื่องจริง เรารึก็เป็นห่วงเลยเตือนไปว่า
“วินอย่าเลยพี่เรามันไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมมันมองหน้าแล้วยังบิดรถใส่กรูอีก”
“อย่ามีเรื่องเลยนะวิน...ขอร้อง”
“โบว์เมิงรู้ฤทธิ์วินน้อยเกินไป” คิวเพื่อนสนิทของวินพูดพร้อมยักคิ้วประมาณว่าวินเก่ง
“โทรไปบอกมันว่าเลิกเรียนเจอกัน”
“วินจ๋า...พี่เราอ่ะไปทำท่อมามันเลยดัง” เขาบอกว่าน้ำเย็นปลาตายใช่ป่ะ
“กรูไม่สนแค่เรียกมันมาขอโทษแล้วกราบตีนกรูเท่านั้นพอ เออแล้วบอกมันด้วยอย่าผ่าน ซอย 5-9 ล่ะไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
วินหนอวิน พี่ชายแกที่คุม ซอย 5-9 นะมันเพื่อนพี่ชั้น คนในแก๊งค์จะมาต่อยกันเองเพราะแกนะเหรอตลกดีว่ะ ทางที่ดีอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ดีกว่า ถ้าสู้กันแล้วแกชนะมันก็คุ้มกับการเจ็บตัว แต่ถ้าแพ้ล่ะนายอาจเข้าโรงบาลได้นะ
“แค่ขอโทษได้ป่ะแต่ไม่ต้องถึงขั้นกงขั้นกราบอะไรนั่นหรอก”
แล้วพวกนั้นก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า
“เออแต่ทางโทรศัพท์ไม่เอา”
ฉันอุตสาห์เตือนนายแล้วนะวิน ฟันแข็งแรงนักนี่ แบบนี้มันต้องเจอของจริงจะได้หายซ่า รู้อะไรไหม วินตอนนี้ฉันอยากเห็นนายเข้าเฝือกจะแย่อยู่แล้ว
ฉันก็เลยจัดการกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนแถวบ้านแล้วให้ปลอมเป็นพี่บอลยังไงซะฉันคือคนที่ลำบากใจที่สุด ถ้าวินชนะฉันจะสู้หน้าพี่ได้ไง แล้วถ้าพี่ชนะมาโรงเรียนฉันไม่โดนพวกวินยำเอาเหรอ ฉันเลยขอร้องเพื่อนให้ช่วยขอโทษให้หน่อย
พอคุยกันไปซักพักเรื่องราวก็จบลงด้วยดี
ช่างนี้เป็นหน้าฝน ฝนก็เลยตกยิ่งมีพายุเข้าด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เลย
“ออกมายืนทำไมเข้าไปในห้องดิ” เสียงวินตะโกนออกมาเรียกเพื่อนๆที่วิ่งวุ่นออกไปเล่นน้ำฝนให้กลับเข้ามาเพราะเกรงว่าจะโดนครูด่า...ได้ผลเพื่อนวิ่งเข้ามาไม่มีใครกล้าค้าน
“เปรี้ยง !!!!!!!!!!!!!” เสียงฟ้าผ่าที่รุนแรงทำให้เอมซึ่งอยู่ใกล้วินเผลอกอดวินอย่างไม่รู้ตัว ฉันซึ่งดูอยู่ห่างๆก็คงต้องเบือนหน้าหนีเพราะหากว่าน้ำตามันไหลตอนนี้ล่ะก็คงไม่ดีแน่ๆ แล้วฉันก็รีบเดินไปปิดหน้าต่าง
ลมมันช่างพัดมาแรงเหลือเกินนะเล่นเอาน้ำตาที่คลออยู่เหือดแห้งไปเลย น้ำตาหายไปแต่ความหนาวแทรกเข้ามาแทนถ้าได้กอดผู้ชายไหล่กว้างๆอย่างวินคงหายหนาวไปเลยมั้งเนี่ย
“อยากหนาวตายหรือไง” วินพลักฉันให้ไปอยู่ด้านหลังเขา แล้วเขาก็เอื้อมมือปิดหน้าต่าง จากนั้นเขาหันมาและไฟก็ดับลง
ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทั้งอาคารเรียน เสียงที่ดังแซ่เซงของนักเรียนที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ค่อยเบาลงเมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ที่เดินเข้ามาพลางเคาะประตูแต่ล่ะห้องให้เงียบๆ
ฉันที่ยืนหนาวสั่นเพราะเป็นผู้หญิงที่สูงแต่ร่างบาง จนบางครั้งคนอื่นอาจมองว่าเก้งก้างด้วยซ้ำไป
“หนาวเหรอ” วินก้มหน้าลงมาถามฉัน
ฉันไม่ได้ให้คำตอบอะไรไปแต่เป็นการพยักหน้าเบาๆ ด้วยความที่ฉันเป็นคนหน้าตายหรือชอบฉวยโอกาสก็ไม่รู้เลยพูดเปรยๆขึ้นว่า
“ขอกอดหน่อยดิ”
“บ้าหรือเปล่า...เป็นผู้หญิงพูดจาอย่างนั้นได้ยังไง” วินพูดพร้อมส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหาเพื่อนๆของเขา
ซึ่งพอมองเลือนๆก็จะเห็นคิวกอดอยู่กับเอม คิวฉันจะไปบอกแฟนแกว่าแกนอกใจ แล้วนั่นใครนะรู้สึกว่าเต้นายกอดกับคนในกลุ่มฉันอีกแล้วนะ เกม แฟนแกที่อยู่กรุงเทพจะรู้ไหมหนอว่าแกคว้าอรมาซบไหล่อยู่นะ ผู้หญิงในกลุ่มฉันกับกลุ่มวินจับคู่จะสมสู่กันแล้วหรือนี่
ซักพักวินก็เดินกลับมา แล้วพูดว่า
“เรามาทำอย่างนั้นบ้างดีป่ะ”
“เกินจริง...”
แล้วฉันก็นั่งลงบนพื้นหลังห้องเพราะพื้นที่มันเยอะและเตรียมเอากระเป๋ามาเป็นหมอน วินก็เดินนั่งตามและเขาก็เอนหัวลงมาบนตักฉันและหลับตาลง
แต่เวลาแห่งความสุขก็มักมีได้ไม่นานนัก ครึ่งชั่วโมงต่อมาไฟก็กลับมาดั่งเดิมและฉันก็ต้องปลุกวินให้ตื่นจากนิทราที่แสนจะสุขสบายกายของเขาแต่ทรมาณกายของฉัน
ใกล้งานวันวิชาการ...พวกเราก็คงต้องจัดการแสดงละครเพราะอยู่ห้องศิลป์ แต่ต้องเป็นละครภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง พวกเราในห้องเลยจัดการประชุมว่าจะเอาเรื่องอะไรและคัดตัวนักแสดงละคร ผลสุดท้ายเราก็ได้เรื่องซินเดอเลร่า อรกับเอมเสนอชื่อวินเป็นพระเอกและเราก็เป็นนางเอกซึ่งเพื่อนทั้งห้องก็ตกลงเพราะดีกว่าตัวเองได้รับบทไง...ประเสริฐไหมเพื่อนห้องนี้
เราก็ซ้อมกันทุกวันแต่บทเจ้าชายกับทหารเนี่ยไม่ค่อยมีหรอกแต่บทเรานี่ซิ...แล้วฉากที่ฉันรอคอยก็มาถึง หุหุ จะได้เต้นรำกับเจ้าชายแล้ว
แต่มันไม่เป็นดังคาด กิ๊ฟมาดูพวกเราซ้อม ซึ่งทำให้เจ้าชายของเราเขิลลลลลลลล
“วินซ้อมดีๆได้ป่ะแกเหยียบตีนฉันจนระบมหมดแล้ว”
“เออๆขอโทษ” แล้ววินก็ซ้อมต่อแต่ก็ยังคงพลาดเหมือนเดิม
และคนก็ยิ่งทยอยมา ซึ่งพวกเราทั้งหมดก็พากันเขิน คงยกเว้นฉันเพียงคนเดียวล่ะมั้งที่ตอนนี้จริงจังอยู่คนเดียว
“ซ้อมเมื่อไหร่เรียกด้วยล่ะ” ฉันพูดแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าจากนั้นก็เดินออกไปอย่างวางมาด ฉันจึงเลือกที่จะไปห้องสมุดแล้วหาหนังสือสงบสติอารมณ์ อีกไม่ถึง 5 วันด้วยซ้ำอ่ะก็จะแสดงแล้วนี่ไม่ตั้งใจกันเลย ถ้าคนแค่นี้ยังเขินแล้วคิดดูดิ คนอีกทั้งโรงเรียนไหนจะผู้ปกครองนักเรียนและนักเรียนโรงเรียนอื่นอีกอ่ะ มันไม่ล่มเหรอ
วันต่อมาดูเหมือนเพื่อนๆจะไม่เขินแล้ว แต่บทยังไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเจ้าชายของเราเนี่ยซิ ก็แค่พูดว่า “Marry whit me….” (แต่งงานกับข้านะ) มันจะตะกุกตะกักอะไรหนักหนา
แล้ววันจริงก็มาถึง กรี๊ดดดดดดดด...วินหล่อมั๊กๆ ใส่ชุดแบบเข้าชาย เสื้อสูทสีขาว อินธนูมีน้ำเงินสายที่ห้อยลงมาจากอินธนูสีเหลือง ทรงผมที่ใส่เจลกากเพชรและใบหน้าที่นิ่งกับนัยน์ตาเย็นชาคู่นั้น สมแล้วกับเจ้าชายผู้สูงส่ง
ส่วนฉันนะเหรออิอิ เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายกรีก-โรมัน ทรงผมที่ม้วนเป็นลอนๆแล้วรวมไว้ข้างเดียวกันมีมงกุฎเล็กๆประดับศรีษะ กับสร้อยคอมุกสีขาวนวลมันช่างเข้ากับชุดฟูฟ่องดุจเจ้าสาวสีขาวบริสุทธ์และขอบริบบิ้นสีชมพูอ่อนๆ
จากนั้นการแสดงก็เป็นไปได้ด้วยดีจนถึงฉากที่ต้องเต้นรำกับเจ้าชาย ตอนแรกเจ้าชายจะต้องพูดว่า
‘Dance whit me…’ แต่เพอิญว่าฉันสะดุดส้นสูงล้ม ทุกคนบนเวทีหน้าเสียหมด วินเลยเดินมาดนิ่งมาทางฉันและนั่งยองๆขุกเข้าลงอีกข้างพลางเงยหน้าและเอื้อมมือค้างไว้ และพูดว่า
“Dance whit me…” แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มเมื่อฉันยื่นมือไปทาบลงบนมือเจ้าชาย ไฟทุกดวงค่อยๆหรี่ลงเหลือเพียงสปอท์ไลท์นั้นที่ส่องมาทางเรา บทเพลงเริ่มบรรเลงขึ้น ท้าวของฉันค่อยๆขยับตามจังหวะช้าๆ ตอนนี้ทุกอย่างดูเกรงๆไปหมด ก็ตอนที่ซ้อมเต้นรำนะเราได้จับไม้จับมือกันที่ไหนมีแต่เท้าเท่านั้นแหละ แล้วฉันเลยตัดสินใจเอามือข้างหนึ่งเกาะไหล่วินไว้ แล้ววินก็เลยยื่นมือที่สั่นๆของเขามาเกาะเอวที่ฉันไว้เบาๆก่อนจะคว้ามือฉันอีกข้างหนึ่งสอดประสานกับมือเขาไว้ ฝ่ายทีมงานก็เริ่มๆโปรยปรายละอองกากเพชรลงมา เมื่อครบเวลา 3 นาทีก็ได้ถึงเวลาเที่ยงคืน เป็นอันว่าปิดฉากการเต้นรำที่น่าจดจำสำหรับฉัน...
หลังจากนั้นมาเพื่อนก็จะล้อว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ต่างฝ่ายก็ต่างปฏิเสธ จนคนอื่นเริ่มเบื่อที่จะล้อแล้ว
วันนี้ฉันยังคงเดินตากฝนเพื่อจะกลับบ้าน หวัดนะเหรอไม่กลัวหรอก กลัวแค่ว่าต่อจากนี้จะทำยังไงเท่านั้นเอง เมื่อฉันนึกถึง 2 ชั่วโมงที่แล้ว
วันนี้เป็นวันเลี้ยงอำลาของม.3 ของห้องฉัน โรงเรียนฉันมีแค่ระดับชั้นม.3 งานเริ่มตอน 1 ทุ่ม ฉันก็เข้าตามงานปกติแต่เพียงวันนี้รอคอยใครบางคนเป็นพิเศษเพราะตัดสินใจแล้วล่ะ ความรู้สึกที่มีอยู่มันเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว ยังไงซะก็จะบอกให้ได้...ฉันก็เลือกๆอาหารมากิน แล้วก็นั่งที่มุมห้อง พอกินไปได้ซักพักสปอร์ทไลท์ก็ส่องมาที่ฉัน อีกดวงก็ที่วิน และเสียงดีเจซึ่งรับบทโดยเต้ก็พูดขึ้นมาว่า
“เจ้าชายกับซินเดอเลร่าไม่คิดจะเต้นรำกันหน่อยเหรอ”
แล้วบทเพลงก็บรรเลงขึ้น วินค่อยๆเอามือมาเกาะเอวฉันและประครองฉันอย่างแผ่วเบา นี่คงเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ใกล้วินแล้วซินะ อยากจะมีความทรงจำกับนายนานๆทำไมเวลาใจร้ายกับฉันจังนะ
ไม่นานนักบทเพลงก็จบลง ฉันเลยเอ่ยเรียกวินไว้
“วินมีเรื่องจะคุยด้วย”
เราเลือกที่จะคุยที่ซอกทางเดินเข้าห้องน้ำซึ่งมันไม่ค่อยมีใครผ่านมานัก
“วินมีอะไรจะบอกก่อนที่เราจะจากกัน”
“ทำไมจะสารภาพรักเหรอ”
“อืม”
“เฮ้ย!!!!!!!!!ไม่จริงม้างงงง”
“จริง”
“เป็นผู้หญิงจะมาสารภาพรักกับผู้ชายบ้าหรือเปล่า”
“ก็แค่อยากบอกก่อนจากกันก็แค่นั้น”
“เหรอเราก็ชอบเธอนะ...แต่ในฐานะเพื่อนนะ ขอบคุณในความรู้สึกดีๆที่มีให้แต่เรามีแฟนอยู่แล้ว”
วินทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนที่จะเดินจากไป ทิ้งให้ฉันยืนอึ้งอยู่คนเดียว
ฉันคงไม่มีหน้าจะอยู่งานต่อแล้วล่ะเลยเดินออกจากงานไปแล้วเรียกแท็กซี่ออกมา ฉันนั่งรถไปมองฝนที่ตกลงมาจากหน้าต่างกระจกใส น้ำตาฉันไหลมาพร้อมสายฝน คำถามที่ว่าแอบรักกับอกหักอะไรเจ็บมากกว่ากันตอนนี้รู้แล้วล่ะ มันเจ็บพอๆกันนะและเจ็บมากด้วย พอรถถึงบ้านฉันเตรียมจะควักตังค์จ่ายแต่กระเป๋าตังค์ดันหายเลยต้องนั่งแท็กซี่กลับไปที่งานเพื่อหากระเป๋าตังค์
ฉันเดินหาทั่วงานแล้วไม่เจอเลยลองเดินไปที่ซอกตรงทางเข้าห้องน้ำและในมุมมืดๆนั้นมีเงาของคน 2 คน คุยกันอยู่แม้เสียงจะแผ่วเบาแต่ก็สามารถทำให้ฉันได้ยินได้ชัดเจนและทุกถ้อยคำ
“วินบอกไปหรือเปล่าว่าเราคบกันอยู่” เสียงเล็กใสๆของคนที่ฉันคุ้นเคยเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“เปล่า ทำไมกลัวเพื่อนเอมโกรธเหรอ”
“ก็...ก็....”
“เราคบกันมาก่อนที่โบว์จะบอกว่าชอบวินซะอีก”
“มันก็จริงแต่ว่า...โบว์เป็นเพื่อนเอมนะ”
“แล้วทำไมไม่บอกล่ะว่าเอมคบกับวินอยู่”
“ก็วันนั้นกะจะบอกอยู่แต่โบว์พูดขึ้นมาก่อนนี่นา”
“ไม่ต้องเครียดเรื่องนี้เอมไม่ผิด”
สรุปว่าฉันผิดเหรอ ? เรื่องที่ผ่านมาฉันผิดเหรอ? นั่นซินะฉันแอบรักแฟนเพื่อนหนิ...ทำไมจะไม่ผิดล่ะ ฉันต้องทำให้เอมลำบากใจ...ฉัน........ฉัน
ฉันรีบวิ่งออกไปจากงานวิ่งผ่านสายฝน หวังเล็กๆว่าสายฝนเหล่านี้ จะช่วยล้างคำพูดพวกเมื่อกี้ ล้างความทรงจำทั้งหมดออกจากใจ
ฉันแบบมือและเงยหน้าขึ้นรองรับสายฝนที่เทหนักลงมาเรื่อยๆ แล้วร่มสีใสก็ถูกกางขึ้นมาและบังสายฝนไม่ให้โดนตัวฉัน
“ไม่มีค่ารถกลับบ้านล่ะซิ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น
“...” ฉันไม่ตอบอะไรแต่กลับมองสายฝนที่ตกลงมา
“กระเป๋าตังค์วินฝากมาคืน”
“...” ฉันยังคงไม่พูดอะไรทั้งนั้นแต่รับกระเป๋าตังค์มาแต่โดยดี
“เลิกชอบมันเมื่อไหร่ก็มาหาเราได้นะ”
“เต้....” น้ำตาของฉันไหลอีกครั้งหนึ่งแต่ดึงฉันมากอดปลอบไว้...แต่ความรู้สึกอย่างนี้นะมันยกกันให้ง่ายๆไม่ได้หรอกนะ....จะให้เต้เป็นตัวแทนของวินนะเหรอ...ฉันทำไม่ได้หรอก ขอโทษนะเต้...แต่ตอนนี้ใจของฉันให้วินไปหมดแล้ว...นายน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะ...และถึงแม้นายจะดีกับฉันยังไง...แต่ฉันก็รักวิน...และยังคงไม่ลืม...รักแรกของฉัน...ถึงแม้คำว่ารักกันจะมีเพียงแค่ความฝันของฉันคนเดียว
ถ้าชาติหน้ามีจริง
ฉันมีพรให้สามารถเกิดเป็นอวัยวะส่วน
ใดส่วนหนึ่งในร่ายกายของนาย...วิน
ฉันขอเป็นหัวใจ
เพราะถ้าเป็นเพียงแค่ขนตา
.แม้จะใกล้ตานายเท่าไหร่ก็ไม่มีวันมองเห็น
[ จบ ]
The Casino at Borgata | Hours, Takes, Takes & Reviews
ตอบลบThe Borgata offers 김천 출장안마 a convenient way to travel from Atlantic City to Atlantic City. 과천 출장샵 From 서울특별 출장안마 restaurants to popular shows, 인천광역 출장마사지 to concerts and more. From the 삼척 출장마사지